ผ่าตัดกระดูกสันหลัง ความเสี่ยงสูงจริงหรือไม่
การผ่าตัดกระดูกสันหลังเป็นการผ่าตัดที่ใช้ในการรักษาความผิดปกติของกระดูกสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังเสื่อม หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เนื้องอกกระดูกสันหลัง หรือความผิดปกติของกระดูกสันหลังหลังผ่าตัด เป็นต้น การผ่าตัดกระดูกสันหลังเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากกระดูกสันหลังเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนและมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานของระบบประสาท
ความเสี่ยงของการผ่าตัดกระดูกสันหลัง
ความเสี่ยงของการผ่าตัดกระดูกสันหลังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ความเสี่ยงทั่วไปและความเสี่ยงเฉพาะของการผ่าตัดกระดูกสันหลัง
- ความเสี่ยงทั่วไป ของการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ได้แก่ การติดเชื้อ เลือดออก ภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ ภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาระงับปวด และภาวะแทรกซ้อนจากการฟื้นฟูหลังผ่าตัด
- ความเสี่ยงเฉพาะของการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ได้แก่ ความเสียหายต่อเส้นประสาท ความเสียหายต่อไขสันหลัง ภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อน ภาวะกระดูกสันหลังหัก และภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของการผ่าตัดกระดูกสันหลัง ได้แก่
- อายุที่มากขึ้น
- โรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
- การสูบบุหรี่
- ภาวะอ้วน
- อุบัติเหตุทางกระดูกสันหลัง
- การผ่าตัดกระดูกสันหลังในบริเวณที่ยากลำบาก
การตัดสินใจผ่าตัดกระดูกสันหลัง
การตัดสินใจผ่าตัดกระดูกสันหลังเป็นการตัดสินใจที่มีความสำคัญ ผู้ป่วยควรพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการผ่าตัดกระดูกสันหลังอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจผ่าตัด
ความเสี่ยงของการผ่าตัดกระดูกสันหลังอย่างละเอียด โดยสรุปได้ดังนี้
- การผ่าตัดกระดูกสันหลังมักทำในผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งก็มีความเสี่ยงโดยตัวเขาเองอยู่แล้ว
- การผ่าตัดกระดูกสันหลังต้องนอนคว่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบการหายใจและหัวใจ
- การผ่าตัดกระดูกสันหลังอาจเสียเลือดมาก
- การผ่าตัดกระดูกสันหลังอาจกระทบต่อเส้นประสาท
- การผ่าตัดกระดูกสันหลังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100%
การผ่าตัดกระดูกสันหลังมีความเสี่ยงสูงส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาการปวดและอาการชาของผู้ป่วยเป็นอาการปัจเจกบุคคล ไม่สามารถวัดเทียบกันได้ แพทย์จึงไม่สามารถเข้าใจอาการของผู้ป่วยได้ 100% แม้ว่าคนไข้จะพยายามสื่อสารให้แพทย์เข้าใจมากที่สุดก็ตาม สิ่งนี้เองเป็นอุปสรรคต่อการออกแบบการผ่าตัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ดังนั้นก่อนผ่าตัดกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยควรสื่อสารกับแพทย์ให้ชัดเจนเกี่ยวกับอาการปวดและอาการชาของตน รวมถึงประวัติการรักษาและโรคประจำตัวอื่นๆ เพื่อให้แพทย์วางแผนการผ่าตัดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด